Hacker คือใครสักคนที่มีความสนใจในอุปกรณ์ electronics หรือ ระบบคอมพิวเตอร์ ชอบที่จะเรียนรู้และสำรวจการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ หาวิธีที่จะทำให้ทำงานได้ดีกว่าเดิม หรือทำในสี่งที่พวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำก็ตาม hacker มีสองประเภทคือ

White Hat (หมวกขาว) - เป็นพวกคนดี ไม่ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย พวกเขามักจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ และช่วยปกป้องผู้คนจาก Black Hats

Black Hat (หมวกดำ) - เป็นพวกคนไม่ดี มักจะทำอะไรโดยมีเจตนาร้ายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เป็นคนจำพวกแฮกธนคาร ขโมย credit cards และทำการแก้ไขหน้าเว็บผู้อื่น

สองคำนี้มาจากหนังฝรั่งเก่าที่คนดีสวมหมวกสีขาว และคนเลวสวมหมวกสีดำ

ถ้าตอนนี้คุณคิดว่า "เห้ยย พวกหมวกดำคงเป็นอะไรที่เจ๋งแน่เลย" ผมมีคำถามสำหรับคุณ มันเจ๋งรึเปล่าล่ะที่ได้อยู่ในคุกขนาดเท่ากับห้องน้ำ และมีคู่หูเป็นก้นของใครสักคนเป็นเวลาหลายปี ผมคิดว่างั้นนะ

Script kiddies - เป็นพวกที่ต้องการจะเป็น hacker พวกเขามักจะสิงอยู่ใน hacker community  Script kiddies มักจะไม่มีทักษะ และใช้เครื่องมือที่สร้างจากเหล่า hacker สามารถใช้เครื่องมือได้โดยไม่มีความรู้ใดๆ 

Intermediate hackers - คนเหล่านี้มักจะมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ network และมีความรู้ในการเขียนโปรแกรมพอที่จะเข้าใจการทำงานของ แต่ชอบที่จะให้ Script kiddies ใช้ pre-developed well-known exploits (ส่วนหนึ่งของโปรแกรมที่ใช้กับช่องโหว่ต่างๆ) เพื่อใช้ในการโจมตี

Elite Hackers - เป็น hacker ที่มีทักษะในการ hack พวกเขาสามารถเจาะเข้าสู่ระบบ และซ่อน tracks หรือทำให้เหมือนส่วนหนุึ่งของระบบ ต้องใช้ความมุ่งมั่นเพื่อจะมาจุดนี้ได้

การเป็น hacker ที่ดีไม่ใช่เรื่องกล้วยๆ และไม่ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ความคิดสร้างสรรค์เป็นสี่งที่ช่วยเป็นอย่างมาก มีมากกว่าหนึ่งวิธีที่จะแก้ปัญหา hacker มักพบปัญหามากมายความคิดสร้างสรรค์จะช่วยให้มีโอกาศมากกว่าที่จะ hack ระบบโดยไม่ถูกตรวจพบ  และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือคุณต้องมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้อย่างจริงจัง เพราะว่าหากขาดข้อนี้ไปแล้วคุณจะไม่ได้รับอะไรเลย โปรดจำไว้ว่าความรู้คืออำนาจ ความอดทนเป็นสิ่งจำเป็นเพราะหลายหัวข้ออาจเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ และมีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะทำให้คุณสำเร็จ

ls (list)

เมื่อคุณเข้าใช้ครั้งแรกไดเรกทอรี่จะอยู่ที่ home directory ของคุณเอง home directory จะใช้ชื่อเดียวกับ user-name ของคุณ ยกตัวอย่างเช่น ee91ab และเป็นที่ที่ files และ subdirectories ถูกบันทึกไว้  

เพื่อที่จะหาว่ามีอะไรอยู่ใน home directory ของคุณ ,พิมพ์

     

     % ls

คำสั่ง ls (L และ S ตัวเล็ก) จะแสดงไดเรกทอรี่ที่ทำงานอยู่ในปัจจุบัน

อาจจะมีบางไฟล์ที่ไม่สามารถมองเห็นใน home directory ของคุณได้ ซึ่งในกรณีนี้ the UNIX prompt จะถูกส่งกลับ นอกจากนีบางไฟล์ที่เขียนโดย the System Administrator  เมื่อบัญชีของคุณถูกสร้างขึ้น

ls จะไม่แสดงไฟล์ที่มีชื่อขึ้นต้นด้วยจุด (.) เนื่องจากไฟล์ที่ขึ้นต้อนด้วยจุด (.) เป็นไฟล์ที่ซ้อนอยู่ และเมีข้อมูลการตั้งค่าโปรแกรมที่สำคัญ ไฟล์ถูกซ่่อนไว้เพราะไฟล์เหล่านี้ไม่ควรมีการแก้ไขจนกว่าคุณจะมีความชำนาญในยูนิกซ์

เพื่อที่จะแสดงไฟล์ทั้งหมดใน home directory รวมทั้งไฟล์ที่ขึ้นต้นด้วยจุด เพียงพิมพ์คำสั่งด้านล่างนี้

     % ls -a

ซึ่งจะทำให้คุณดูไฟล์ที่ซ่อนอยู่ได้ ด้วยคำสั่ง ls -a


ls เป็นตัวอย่่างของคำสั่งที่สามารถใช้ option  : -a เป็นตัวอย่างของ option
option มีหน้าที่เปลี่ยนลักษณธการทำงานของคำสั่ง มีคู่มืออนไลน์ของการใช้ option ในแต่ล่ะคำสั่ง (ดูได้จากเว็บไซค์นี้ในภายหลัง)

1.2 Making Directories 

mkdir (make directory)

ตอนนี้เราจะสร้าง subdirectory ใน home directory ของคุณเอง เอาไว้สำหรับเก็บไฟล์ที่จะสร้างขึ้นในภายหลัง เพื่อที่จะสร้า subdirectory ที่เรียกว่า unixstuff ใน working directory ที่กำลังทำงานอยู่ของคุณพิมพ์

     % mkdir unixstuff

เพื่อที่จะดู directory ที่คุณเพิ่งสร้างพิมพ์

    % ls

cd (change directory)

คำสั้ง cd directory หมายถึง เปลี่ยน working directory เป็น directory 

working directory อาจคิดได้ว่าเป็นที่อยู่ปัจจุบันในโครงสร้างระบบไฟล์ของคุณ

เพื่อเปลี่ยน directory พิมพ์ 

     % cd unixstruff 

พิมพ์ ls เพื่อดูสิ่งที่อยู่ข้างใน (ควรว่างเปล่า)

แบบฝึกหัดที่ 1a

สร้าง directory ใน unixstruff directory ตั้งชื่อว่า backups

ตอนนี้ยังอยู่ใน unixstuff พิมพ์

     % ls -a 

จะเห็นว่า ใน unixstuff directory (ใน directory อื่นๆ ก็เหมือนกัน) มี special directories อยู่สองอันคือ (.) และ (..)

The current directory (.)

ในยูนิกซ์ (.) หมายถึง  ไดเรกทอรีปัจจุบัน ดังนั้นพิมพ์

     % cd .     (NOTE : มีช่องว่าระหว่า cd และจุด)

ซึ่งหมายความเช่นเดียวกับเมื่อคุณพิมพ์ cd unixstruff วิธีนี้อาจดูเหมือนไม่มีประโยชน์ในตอนแรก แต่จะช่วยประหยัดเวลามากยิ่งขึ่นในภายหลัง

The parent directory (..)

(..) หมายถึง  ไดเรกทอรีแม่ ดังนั้นพิมพ์

     % cd .. 

จะย้อนกลับไปไดเรกทอรีก่อนหน้านี้หนึ่งขั้น
note : เมื่อคุณพิมพ์ cd ที่ไม่มี agument จะหมายถึงการกลับสู่ home directory เสมอ วิธีนี้จะเป็นประโยชน์มากถ้าคุณหลงใน system file

1.5 pathnames

แบบฝึกหัดที่ 1b

ใช้คำสั่ง cd ,ls และ pwd เพื่อสำรวจไฟล์ระบบ
ข้อควรจำ : ใช้ cd เมื่อคุณหลงในไฟล์ระบบ คุณจะถูกส่งกลับยัง home directory โดยอัตโนมัติ

1.6 More about home directory and pathnames

Understanding pathnames  

เริ่มแรกพิมพ์ cd เพื่อกลับสู่ home directory จากนั้นพิมพ์

     % ls unixstuff

เพื่อแสดงไฟล์ที่อยู่ใน unixstuff directory
จากนั้นพิมพ์

     % ls backups

คุณจะรับความความแบบนี้

backups: No such file or directory

เหตุผลคือ backups ไม่ใช่ไดเรกทอรี่ที่ทำงานอยู๋ในปัจจุบัน เพื่อที่จะใช้คำสั่งแก่ไฟล์ หรือไดเรกทอรี ที่ไม่ใช่ไดเรกทอรี่ที่ทำงานอยู่ในปัจจุบัน (ไดเรกทอรีที่คุณกำลังอยู่) คุณต้องใช้คำสั่ง cd เพื่อเข้าไปในไดเรกทอรี่ก่อน หรือใช้ pathnames เข้ามาช่วย เช่น

      % ls unixstuff/backups

~ (Home directory)

home directory เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ ~ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เช่น

     % ls ~ /unixstuff

จะแสดงไฟล์ที่อยู่ใน unixstuff directory ไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงไหนของไฟล์ระบบ

คุณคิดยังไงกับคำสั่งนี้

     % ls ~

จะแสดงสิ่งที่อยู่ข้างใน ?

แล้วคิดยังไงกับ

     % ls ~/..

จะแสดงสิ่งที่อยู่ข้างใน ?

สรุป 

ls หมายถึง แสดงไฟล์และไดเรกทอรี่
ls -a หมายถึง แสดงไฟล์และไดเรกทอรีทั้งหมด
mkdir หมายถึง สร้างไดเรกทอรี
cd directory หมายถึง เปลี่ยนที่อยู่ไปยัง directory
cd หมายถึง เปลี่ยนที่อยู่ไปยัง home directory
cd ~ หมายถึง เปลี่ยนที่อยู่ไปยัง home directory
cd .. หมายถึง เปลี่ยนที่อยู่ไปยัง ไดเรกทอรีแม่
pwd หมายถึง แสดง path ของไดเรกทอรีปัจจุบัน

UNIX คือ ระบบปฏิบัติการ หรือ OS (operating system) ยูนิกซ์ตัวแรกเริ่มได้สร้างออกมาเมื่อปี 1960s และยังคงได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่นั้นมา ระบบปฎิบัติการเป็นชุดโปรแกรมที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามาราถทำงานได้ มีเสถียรภาพ หลากหบายผู้ใช้ ระบบมัลติทาสกิ้งสำหรับเซิร์ฟเวอร์ เดสท็อบและแล็ปท็อบ

UNIX system ยังมี GUI(graphical user interface) ที่คล้ายกับ Microsoft Windows ซึ่งทำให้ง่ายต่อการใช้งาน แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่ครอบคุมการใช้งานทั้งหมดจึงจำเป็นต้องใช้ทักษะในการดำเนินงาน เช่นใน telnet session ไม่มี window interface ให้ใช้งาน

UNIX สร้างขึ้นมาจากสามส่วนหลักได้แก่ the kernel ,the shell และ the programs.

The kernel 

พูดได้เลยว่า the kernel เป็น hub ของระบบ ther kernel เป็นตัวจัดสรรเวลาและหน่วยควาจำสำหรับโปรแกรม จัดการ filestore และสื่อสารในการตอบสนองต่อ system calls

ตัวอย่างการทำงานร่วมกันของ the shell และ the kernel สมมุตว่าผู้ใช้พิมพ์ rm myfile (ทำให้ลบไฟล์ myfile)  the shell ค้นหา file ที่มี program rm ใน filestore และทำการร้องขอ the kernel  ผ่าน system calls  เพื่อดำเนินการโปรแกรม rm สำหรับ myfile  เมื่อการดำเนินงานเสร็จสิ้น the shell จะส่งกลับ UNIX prompt % แก่ผู้ใช้ แสดงให้เห็นว่ามันกำลังรอคำสั่งต่อไป

The Shell 

the shell ทำหน้าที่ในการติดต่อระกว่าง the kernel กับ ผู้ใช้ เมื่อผู้ใช้ทำการ login 

the login program จะทำการตรวจสอบ username and password และจานั้นก็เริ่มทำงานโปรแกรมอื่นที่เรียกว่า the shell ซึ่ง the shell เป็น command line interpreter (CLI)  หรือ ล่ามบรรทัดคำสั้ง the shell ทำการตีความคำสั่งของผู้ใช้ที่ถูกป้อนเข้าไป และจัดเตรียมสำหรับการดำเนินงาน คำสั่งจะทำงานด้วยตัวของมันเอง เมื่อผู้ใช่สั่งหยุด the shell จะให้ the user another prompt (% on our system)

ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง the shell ของตนเอง และยังสามารถใช้ the shell หลายแบบในคเรื่องเดียว staff และนักเรียนในโรงเรียนมี tcsh shell เป็นค่าเริ่มต้น

tcsh shell มีคุณสมบัติที่จะช่วยผู้ใช้ในการป้อนคำสั่งได้สะดวกขึ้น ดังนี้

Filename Completion  - พิมพ์คำสั่งเพียงแค่ส่วนหนึ่ง(สองสามตัวแรก) แล้วกดปุ่ม Tab The Shell จะเพิ่มส่วนที่เหลือให้อัตโนมัติ หากมีชื่อเหมือนกัน The Shell จะทำการร้องขอให้พิมพ์มากขึ้น

History - The Shell จะบันทึกคำสั่งที่คุณพิมพ์ไว้ หากต้องการใช้อีกครั้งเพียงแค่เลือนลูกสรขึ้นลง

File and Processes -- ไฟล์และกระบวนการ

The Directory Structure -- โครงสร้างไดเร็กทอรี่

Start an UNIX terminal -- เริ่มต้นใช้ UNIX terminal